การแบ่งประเภทของการเจาะหู ไม่ได้มีรูปแบบที่ตายตัว เพราะว่ามักจะมีรูปแบบใหม่ๆเกิดขึ้นอยู่เสมอ แต่ที่นิยมกันมาก ก็จะมีคร่าวๆดังนี้
A. Helix หรือ Rim
เป็นการเจาะในส่วน Cartilage ที่นิยมกันมากที่สุดเลยก็ว่าได้ การเจาะ Helix ส่วนมากจะนิยมใส่ตุ้มหูแบบ Stud (ตุ้มหูแป้นแบบปกติ) ไม่ก็จะใส่เป็นห่วงกลมๆ อย่างห่วงเงินหรือห่วงทองคำนับว่าเป็นการเจาะหูแบบที่ดูแลง่ายที่สุดรองจากการเจาะติ่งหูทั่วไป
B. Industrial หรือ Scaffold
ชื่อ Industrial นั้นเป็นชื่อที่เรียกกันในแถบอเมริกา ส่วน Scaffold นั้นจะนิยมเรียกในฝั่งอังกฤษและออสเตรเลียมากกว่า ส่วนคนไทยเราจะรู้จักกันในนาม การเจาะดาม หรือ ดามหู เป็นการเจาะแนวทแยงในส่วน Cartilage ด้านบนแล้วใส่ Barbell อันยาว ต้องเลือกที่ยาวเกินออกมาหน่อย เพราะมันคือการดามกระดูกเอาไว้ ถ้าเลือกที่ความยาวพอดีกันไป มันจะรั้งจนเจ็บ รอจนแผลหายดีค่อยเปลี่ยนให้มันพอดีขึ้น การดูแลนั้นยากเล็กน้อย เพราะมีสองแผลในคราวเดียว และยังต้องเจอกับความตึงของการถูกดามด้วย
C. Dermal punch
D. Forward helix
ไม่มีอะไรต่างจากการเจาะ Helix แบบปกติ เพียงแต่อันนี้จะอยู่ด้านหน้า ไม่ใช่ด้านข้างเท่านั้นเอง
E. Sung
โดยทั่วไปกระดูกส่วนนี้ของคนเราจะค่อนข้างหนานิดนึงเทียบกับ helix ก็อาจจะเจ็บมากกว่า
F. Rook
กระดูกส่วนนี้ก็หนาพอๆกับ snug นั่นแหละ เพราะมันเป็นแนวที่เชื่อมต่อกันขึ้นไป
G. Conch หรือ Shell
เป็นจุดที่ใกล้กับ snug แต่ว่าจะเจาะอ้อมไปทางด้านหลังหูเลย ความหนาก็ประมาณนึง ในรูปอาจจะดูไม่ค่อยชัด ไม่คุ้นตาเท่าไหร่ เพราะเขาใส่เป็น barbell ต่างจากปกติที่คนส่วนมากจะนิยมใส่เป็น ring หลังจากแผลหายแล้ว
H. Anti-Tragus
เกิดหลังจาก tragus เหมือนทำออกมาล้อกัน เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ชายมากกว่าความหนาของกระดูกส่วนนี้ก็พอๆกับ tragus ส่วนตัวไม่ค่อยเห็นคนไทยเจาะกันเท่าไหร่
I. Tragus
อันนี้เป็นที่นิยมเหมือนกันในไทย เรียกว่าพอๆกับ industrial เลยแหละ ส่วนมากผู้หญิงจะเจาะกันเยอะ ดูแลรักษาไม่ยากเท่าไหร่
J. Lobe
อาจการเจาะหูที่เกิดขึ้นแบบแรกของโลก เป็นแบบที่นิยมมากที่สุดด้วย คนส่วนมากจะเริ่มเจาะที่จุดนี้ก่อน รวมทั้งเป็นจุดที่นิยม stretching หรือระเบิดหูกันด้วย ตุ้มหูที่นิยมใช้กันก็จะมีทั้งแบบ stud, ring หรือแบบตะขอเกี่ยวมีตัวห้อยระย้า แล้วแต่ความชอบ
K. Transverse lobe
เป็นการเจาะที่ติ่งหูแบบขวางเจาะ บางคนก็เจาะแนวนอน บางคนก็ทะแยง แต่ barbell จะขวางไปตามเนื้อหู กินพื้นที่เนื้อด้านในเยอะกว่า ส่วนมากคนที่เจาะแบบนี้ก็จะออกแนว hardcore ซะมากกว่า
L. Daith
สำหรับการเจาะแบบนี้เพิ่งจะมาเป็นที่นิยมเมื่อไม่กี่ปี อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่า forward helix มาแค่นิดเดียว ความหนาของกระดูกเลยไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ สำหรับบางคนที่เนื้อเยอะ ก็เจาะผ่านเนื้อได้ จะหลุดยากกว่า helix
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Dokumabrand.com
Powered by eardots
CONTACT US
หน้าที่เข้าชม | 1,112,486 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 643,250 ครั้ง |
เปิดร้าน | 18 ก.ย. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 8 ก.ย. 2568 |