หนึ่งในความเสี่ยงจากการเจาะหูที่น่ากลัวที่สุด คือ คีลอยด์
วันนี้ทีมเอียดอทได้มาร่วมงาน The 5th International Keloid Symposium ที่จัดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 6-8 มิถุนายน 2025 ที่ Shanghai Ninth People’s Hospital นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชาจีน
งานนี้ได้รวบรวมคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญด้านคีลอยด์โดยเฉพาะ มีประสบการณ์รักษาผู้ป่วยมานักต่อนัก มาแบ่งปันงานวิจัยของตนเอง กรณีศึกษา วิธีการรักษา เทคนิคที่ใช้ ความยาก นวัตกรรมใหม่ๆ ครอบคลุมไปถึงปัญหาทางจิตวิทยาของผู้ป่วย นับว่าใน 3 วัน คุณหมอได้ถก และโต้แย้งความเห็น ความเป็นไปได้ต่างๆ เพื่อทำให้องค์ความรู้ทางด้านนี้พัฒนาไปได้ไกลขึ้น
ต้องเกริ่นก่อนว่า คีลอยด์เป็นโรคที่ยังไม่ได้มีความชัดเจน absolute ดังโรคอื่นๆ ดังเช่น การเป็นหวัด ทานยาแล้วหาย หรือ ผ่าตัดแล้วจบ เป็นต้น แต่คีลอยด์เป็นสิ่งที่ยังอยู่ในถ้ำ นักวิชาการยังไม่สามารถฟันธงได้ว่า สาเหตุที่แท้จริง วิธีการรักษาที่ดีที่สุด การรักษาที่ทำให้คีลอยด์ไม่กลับมาอีก ทำได้อย่างไรเป็นต้น
รู้จักคีลอยด์คืออะไร?
แผลเป็นชนิดหนึ่งที่มีลักษณะนูนและขนาดขยายใหญ่กว่ารอยแผลที่เกิดขึ้น โดยอาจเกิดขึ้นทันทีที่แผลหายหรือหลังจากแผลหายดีสักพักแล้ว แม้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ แต่ในคนไข้บางราย อาจมีอาการคัน ระคายเคือง ระคายเคือง และแน่นอนส่งผลด้านความสวยความงามได้
สาเหตุของคีลอยด์
คีลอยด์เป็นผลจากความผิดปกติของกระบวนรักษาแผลตามธรรมชาของร่างกาย โดยทั่วไป ทุกครั้งที่ผิวหนังได้รับความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็น ยุงกัน การขีดข่วน การฉีดยา การเกิดสิว อิสุกอิใส แผลไหม้ เป็นต้น ผิวหนังจะมีการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนขึ้นมาซ่อมแซมบริเวณดังกล่าวจนหายดี แล้วยุบจางลง สีกลืนกับผิวหนังเดิม ประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อใดก็ตามที่ กระบวนการรักษาดังกล่าวสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนที่มากเกินไป จากที่ควรจะซ่อมแซมให้พอ กลับเติมให้เกินจากขนาดแผลเดิม เป็นรอยนูนใหญ่ ขยายไปด้านข้าง ประหนึ่งเหมือนก้อนเนื้อ เนื้องอก ที่ใหญ่ขึ้น นั่นคือ แจ๊คพ๊อตของคีลอยด์มาเยือนคุณแล้วค่ะ
อาการคีลอยด์
* เป็นแผลเป็นนูนที่มีความใหญ่กว่าแผลเดิม
* ลักษณะเป็นมันเงา สีชมพูออกแดงหรือม่วง ก่อนที่จะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีคล้ำหรือซีดลง
* เมื่อสัมผัสแล้วรู้สึกแข็ง คล้ายยาง
* จับไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ แต่บางคนก็อาจมีอาการเจ็บ ฟกช้ำ คัน แสบร้อน หรือส่งผลให้เคลื่อนไหวลำบากได้หากเป็นบริเวณข้อต่อ
* เมื่อสัมผัสหรือเสียดสีกับเสื้อผ้าอาจเกิดความระคายเคือง คัน หรือรู้สึกเจ็บ
* คีลอยด์อาจคงอยู่เป็นเวลาหลายปี และบางครั้งก็ใช้เวลานานเป็นเดือนหรือเป็นปีกว่าจะก่อตัวขึ้นมา
คีลอยด์สามารถเกิดขึ้นที่บนร่างกายบริเวณใดก็ตาม ซึ่งบริเวณที่คีลอยด์มาเยือนได้บ่อยจะอยู่บริเวณที่มีแรงตึงรั้งเยอะ เช่น หน้าอก บริเวณหัวไหล่ หลัง อวัยวะเพศ และอีกตำแหน่งที่พบได้บ่อยคือ ใบหู ตั้งแต่ติ่งหูจนถึงกระดูกอ่อนของใบหู
คีลอยด์อันตรายไหม
คีลอยด์หรือแผลเป็นไม่ได้ส่งผลอันตรายต่อสุขภาพ แม้จะมีการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนที่มากเกินปกติ แผลเป็นที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ เนื่องจากความไม่สวยงามของรอยแผลที่นูนขึ้น ทำให้หลายคนต้องการหาวิธีรักษาและป้องกันไม่ให้แผลคีลอยด์มีขนาดใหญ่ขึ้น
วิธีการรักษา
แม้คีลอยด์มักไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ แต่ลักษณะของคีลอยด์ รวมถึงอาการเจ็บหรือคันก็อาจเป็นที่รบกวนใจได้ ทั้งนี้ในปัจจุบันการรักษาแผลคีลอยด์ยังไม่มีวิธีที่ได้ผลแน่นอน บางครั้งการรักษาอาจเพียงช่วยทำให้ลักษณะของคีลอยด์ดูดีขึ้นหรือรู้สึกระคายเคืองน้อยลง และยังมีโอกาสที่คีลอยด์จะเติบโตขึ้นมาอีกครั้งหลังจากได้รับการรักษา โดยแพทย์อาจแนะนำวิธีใดๆ ต่อไปนี้หรือใช้หลาย ๆ วิธีควบคู่กันไป
การทาครีม การใช้แผ่นแปะซิลิโคน ในคนไข้ที่ยังมีอาการไม่รุนแรง
การฉีดคอร์ติโซนสเตียรอยด์ เลเซอร์ การฉายรังสี การรักษาด้วยความเย็นจัดเพื่อให้เนื้อเยื่อตาย(crynotherapy) Intralesional cryotherapy and Adjunctive Therapies การกดทับเพื่อป้องกันไม่ให้คีลอยด์กลับมา สำหรับงานสัมมนาในรอบนี้ วิธีการที่ได้รับความนิยม ได้แก่ LCR (Laser combined with Radiotherapy) และการใช้เทคนิค Nucleoresection การตัดส่วนเนื้อเยื่อส่วนที่เป็นคีลอยด์ออก ควบคู่กับ Punch Extraction แล้วเย็บผิวกลับเข้าไป ทำให้ผิวเรียบติดกัน เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมทางฝั่งจีน ซึ่งเมื่อเทียบกับการฉายรังสีแล้ว การกลับมาของคีลอยด์แทบไม่มีเลยค่ะ
แม้วิธีการจะมีมากมาย หมอแต่ละท่านมีแนวทาง ความถนัดที่ต่างกัน ในการรักษา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ปัจจัยที่ช่วยตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ได้แก่ ค่ารักษา ความเร็วช้าของผลลัพท์ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ความเสี่ยงในการเกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นต้น
แล้วฟังมาถึงนี่ คำถามก็คือ ป้องกันยังไง?
ถ้าพูดถึงคีลอยด์ ก็คือ การเลี่ยงการเกิดขึ้่นของแผลโดยไม่จำเป็นทุกประการ
ทำได้มั้ย น่าจะยาก เพราะแผลเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา เราระวังได้
แต่ทีนี้มีหมอท่านนึงบอกไว้ว่า การรักษาสมดุลในร่างกายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เพราะจริงๆแล้ว คีลอยด์เป็นเสมือนแจคพ๊อตที่ไม่มีใครอยากได้ โอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก จะบอกว่าเป็นอุบัติเหตุชีวิตก็ยังได้ เป็นเนื่อร้ายที่ reflect สุขภาพของเรา แต่อาจจะเพียงแสดงออกมาผิดที่
ทีนี้ สิ่งที่อยากจะเน้นย้ำมากที่สุด สำหรับลูกค้าร้านเอียดอท คือ
การดูแลรักษาหลังเจาะ สำคัญที่สุด
การใช้น้ำยาที่พอดี การไม่ถอดเปลี่ยนต่างหูก่อนเวลาอันควร หลีกเลี่ยงกิจกรรมทางน้ำ การจับบริเวณรูโดยไม่จำเป็น
ท้ายที่สุดก็คือ เพื่อเป็นการป้องกันการระงับการเกิดขึ้น ก็คือ การ monitor ทุกๆ 2-3 วัน อาจจะให้เพื่อนช่วยดูให้ก็ได้ เพราะเห็นก่อนจัดการได้ก่อน ไม่ปล่อยปละละเลย ถ้าเริ่มเป็น bumb มีความนูน เราต้องเริ่มหาหมอ ช่วยดูให้อีกตาแล้ว จนกว่าแผลของการเจาะจะแห้ง ไม่มีเลือด เปลี่ยนใส่ได้ปกติแล้ว ประมาณนี้ค่ะ